กังวลสหรัฐถดถอย หุ้นเทคไปต่อหรือพอแค่นี้ ปรับน้ำหนักลงทุน?

นายสิทธา เซ่งไพเราะ Associate Director, ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM ปิดเผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับย่อลง น่าจะมีผลมาจากการที่นักลงทุนกลับมากังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic Recession) หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐที่อ่อนแอต่อเนื่อง 5 เดือนติดต่อกัน รวมทั้งตัวเลข Inverted yield curve หรือ ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 2 ปีที่สูงกว่าอายุ 10 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจจะเกิด Recession เลยทำให้ตลาดกังวล

อย่างไรก็ตาม บลจ.ไทยพาณิชย์ มองว่า สถานาการณ์ปัจจุบันของสหรัฐต่างจากในอดีต และสภาพคล่องในปัจจุบันก็ยังสูง ไม่ต่ำเหมือนในอดีตเวลาจะเกิดภาวะถดถอยที่สภาพคล่องจะลดต่ำลง ทำให้มองว่านักลงทุนอาจกังวลมากเกินไปหรือไม่ 

โดยนักลงทุนยังจับตาทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะส่งผลต่อแนวโน้มตลาดทุน ซึ่งตลาดรอคอยข้อมูลตัวเลขการจ้างานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (6 ก.ย.) ที่จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่เฟดให้ความสำคัญนำมาพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยเฟดว่าจะลดลงที่ร้อยละ 0.25 หรือ ร้อยละ 0.50 ในการประชุม 18 ก.ย.นี้ ซึ่ง บลจ.ไทยพาณิชย์ให้น้ำหนักกับการปรับลดลงที่ร้อยละ 0.25 ซึ่งจะทำให้ตลาดคลายกังวลต่อภาวะถดถอย และตลาดหุ้นมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ แต่หากเฟดปรับลดลงร้อยละ 0.50 อาจจะทำให้ตลาดกังวลระยะสั้น แต่ภาพระยะกลางถึงยาวยังเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังไปได้และเศรษฐกิจไม่น่าจะถดถอย

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเทคฯ หากสามารถถือลงทุนได้นานกว่า 3 เดือน การย้อลงของหุ้นกลุ่มเทคน่าจะเป็นโอกาสเก็บสะสมหุ้นเติบโตและหุ้น AI ได้ในเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ แต่หากลงทุนระยะสั้นรอบสัปดาห์หรือรอบเดือน ก็สามารถกระจายการลงทุน โดยปรับน้ำหนักการลงทุน ( Sector Rotation) ไปในหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ หรือ กลุ่มที่มีความผันผวนต่ำ (LOW VOLATILITY) ในกองทุนที่ถือลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น LOW VOLATILITY (SCBLEQA) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่อยู่ในตลาดที่พัฒนาแล้วเป็นหลั เพื่อป้องกันดาวน์ไซด์ในการลงทุนระยะสั้น เพราะกลุ่มเหล่านี้มีความทดทานต่อภาวะตลาด