TNN online บีโอไอคาดนักลงทุนจีนหอบเงินทุนตั้งฐานผลิต EV ในไทยเพิ่ม

TNN ONLINE

ยานยนต์

บีโอไอคาดนักลงทุนจีนหอบเงินทุนตั้งฐานผลิต EV ในไทยเพิ่ม

บีโอไอคาดนักลงทุนจีนหอบเงินทุนตั้งฐานผลิต EV ในไทยเพิ่ม

บีโอไอหวังนักลงทุนจีนหอบเม็ดเงินลงทุนในกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่ม 3 ราย จี้กฟภ.ปลดล็อกระบบสาธารณูโภคหากแล้วเสร็จหนุนนโยบาย 30@30 เร็วกว่ากำหนด

นายชนินทร์ ขาวจันทร์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า ตลาดอุตสาหกรรมรถยนต์คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง หลังจากที่ค่ายรถยนต์จากจีน 2 ค่ายใหญ่ เอ็มจีและเกรทวอลล์ ตัดสินใจเข้ามาลงทุนโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต  เชื่อว่าอนาคตจะมีค่ายรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากจีน 2-3 ค่ายเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น และทำให้รถยนต์กลุ่มปลั๊ก-อินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่ม ซึ่งเอ็มจีได้เริ่มทำตลาดรถดังกล่าวแล้ว 

ทั้งนี้บีโอไอได้ประกาศส่งเสริมการลงทุนยานพาหนะไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ รถโดยสาร และรถบรรทุก รวมถึงเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ขณะที่การส่งเสริมรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า รอบ 2 (รอบแรกสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 61) ภายใต้กรอบการลงทุนไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และหากมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาก็สามารถได้รับสิทธิเพิ่มเพื่อต้องการให้ไทยเป็นฐานการผลิตในการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

 สำหรับนโยบาย 30@30 ของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ตั้งเป้าว่าภายในปี73  ประเทศไทยจะผลิต ยานยนต์ไฟฟ้า 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย โดยแบ่งการทำงานเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น (ปี 63-ปี65) ผลิตรถสำหรับรถราชการ รถสาธารณะ บีรถจักรยานยนต์สาธารณะ 60,000-110,000 คัน ระยะกลาง (ปี64 -ปี 68) จะผลักดัน ECO EV จำนวน 100,000-250,000 คัน และผลักดันสมาร์ท ซิตี้ บัส จำนวน 300,000 คัน ระยะยาว (ปี69-ปี73) ให้มีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 750,000 คัน  

นอกจากนี้หากมีระบบสาธารณูปโภค กระแสไฟฟ้า และสถานีชาร์จ ให้ได้ตามแผนงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค น่าจะทำให้ประเทศไทยไปถึงแผน 30@30 ได้เร็วกว่าเป้าหมายถึง 5 ปี คือ ในปี 66 

ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากปัญหาของจำนวนสถานีชาร์จที่มีไม่ มากและต้องใช้เวลา ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ ฝั่งของผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากเทคโนโลยีและโปรดักต์นั้นค่ายรถยนต์ต่างมีอยู่ แล้ว รอเพียงแค่ดีมานด์เท่านั้น แต่ถ้ากฟภ.เร่งดำเนินการวางระบบสาธาณูปโภค กระแสไฟฟ้าให้แล้วเสร็จโดยเร็วจะทำให้  รถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด  และรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น 

         

เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง