เปิดประวัติ โป๊ป เลโอที่ 14 สมเด็จพระสันตะปาปาอเมริกันพระองค์แรกในประวัติศาสตร์

 เปิดประวัติ โป๊ป เลโอที่ 14 สมเด็จพระสันตะปาปาอเมริกันพระองค์แรกในประวัติศาสตร์

สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 หรือชื่อเดิมคือ โรเบิร์ต ฟรานซิส เปรวอสต์ เป็นโป๊ปชาวอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์กว่า 2,000 ปีของนครรัฐวาติกัน พระองค์เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 1955 ในเมืองชิคาโกของสหรัฐฯ มีเชื้อสายอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน ซึ่งบิดาของพระองค์เคยเป็นทหารไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้นเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่งในเมืองชิคาโก ส่วนมารดาของพระองค์เป็นบรรณารักษ์ ซึ่งเรียนจบปริญญาโทด้านการศึกษา

สรุปข่าว

สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 (โรเบิร์ต เปรวอสต์) เป็นพระสันตะปาปาอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ เกิดปี 1955 ที่ชิคาโก มีเชื้อสายผสมยุโรป จบปริญญาตรีคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิลลาโนวา ก่อนเข้าสู่เส้นทางนักบวชในคณะออกัสตินเมื่อปี 1978 ได้รับแต่งตั้งเป็นบิชอปแห่งชิคลาโย (2020) และต่อมาเป็นอาร์ชบิชอปและพระคาร์ดินัล (2023) ก่อนได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา

สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 หรือชื่อเดิมคือ โรเบิร์ต ฟรานซิส เปรวอสต์ เป็นโป๊ปชาวอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์กว่า 2,000 ปีของนครรัฐวาติกัน พระองค์เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 1955 ในเมืองชิคาโกของสหรัฐฯ มีเชื้อสายอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน ซึ่งบิดาของพระองค์เคยเป็นทหารไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้นเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนหลายแห่งในเมืองชิคาโก ส่วนมารดาของพระองค์เป็นบรรณารักษ์ ซึ่งเรียนจบปริญญาโทด้านการศึกษา

พระองค์เข้ารับการศึกษาระดับชั้นมัธยมที่วิทยาลัย St. Augustine ที่เมืองฮอลแลนด์ รัฐมิชิแกน จากนั้นไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Villanova ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยคาทอลิกเอกชน ซึ่งพระองค์เรียนจบปริญญาตรีด้านคณิตศาสตร์ เมื่อปี 1977 และพระองค์เกิดศรัทธาและตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางนักบวชเมื่อปี 1978 โดยเข้าร่วมกับคณะนักบวช Augustinian Order

ในปี 2014 พระองค์เดินทางกลับไปที่เปรู หลังจากที่โป๊ปฟรานซิส และต่อมาได้รับแต่งตั้งพระองค์เป็นบิชอปแห่งชิคลาโยในปี 2020

พระองค์ได้เลื่อขั้นขึ้นมาเป็นอาร์ชบิชอป ในปี 2023 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระคาร์ดินัลในปีเดียวกัน จนกระทั่งได้รับเลือกจากการประชุมคอนเคลฟ ให้รับตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่

ที่มาข้อมูล : BBC, NBC, TNN World

ที่มารูปภาพ : Reuters