อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มกว่า 14 ล้านคนภายในปี 2030 หากสหรัฐฯ ตัดงบ USAID

อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มกว่า 14 ล้านคนภายในปี 2030 หากสหรัฐฯ ตัดงบ USAID

วารสาร The Lancet Global Health เผยผลการศึกษาชิ้นสำคัญ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025  ที่เตือนว่าการตัดงบประมาณด้านสาธารณสุขจาก USAID ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการในรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะนี้ อาจส่งผลให้โลก สูญเสียชีวิตมนุษย์เพิ่มกว่า 14 ล้านคนภายในปี 2030 โดยเฉพาะในประเทศยากจนและเปราะบาง

งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าเงินทุนจาก USAID มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบสุขภาพในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ HIV, มาลาเรีย, วัณโรค, วัคซีน และโภชนาการแม่และเด็ก

สรุปข่าว

สหรัฐฯ ได้เริ่มตัดงบช่วยเหลือจาก USAID แล้วบางส่วน และมีแนวโน้มจะขยายผลการตัดงบเพิ่มเติม โดยมีรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ผลักดันนโยบายนี้ ภายใต้กรอบ “America First” ซึ่งนักวิชาการเตือนว่าอาจย้อนรอยหายนะด้านมนุษยธรรมที่โลกพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด 20 ปี

วารสาร The Lancet Global Health เผยผลการศึกษาชิ้นสำคัญ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025  ที่เตือนว่าการตัดงบประมาณด้านสาธารณสุขจาก USAID ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการในรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะนี้ อาจส่งผลให้โลก สูญเสียชีวิตมนุษย์เพิ่มกว่า 14 ล้านคนภายในปี 2030 โดยเฉพาะในประเทศยากจนและเปราะบาง

งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าเงินทุนจาก USAID มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาระบบสุขภาพในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ HIV, มาลาเรีย, วัณโรค, วัคซีน และโภชนาการแม่และเด็ก

 ตัดแล้วบางส่วน – และมีแนวโน้มจะตัดเพิ่ม

แม้ยังไม่มีการประกาศตัดงบประมาณ “ทั้งหมด” อย่างเป็นทางการ แต่ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (ซึ่งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในปี 2025) ได้มีการ ลดงบประมาณสนับสนุนหลายโครงการแล้วในไตรมาสที่สองของปีนี้ โดยเฉพาะงบที่เกี่ยวข้องกับ PEPFAR, โครงการวัคซีนผ่าน Gavi และงบช่วยเหลือด้านโรคติดเชื้อในแอฟริกา

ฝ่ายนิติบัญญัติในพรรครีพับลิกันสนับสนุนแนวคิดนี้ ภายใต้กรอบนโยบาย “America First” ซึ่งเน้นลดภาระการใช้จ่ายนอกประเทศ และตัดงบด้านมนุษยธรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจกลับคืนโดยตรง“เรากำลังเสี่ยงทำลายความก้าวหน้า 2 ทศวรรษลงในพริบตา” กล่าว ศ.เดวิด มานน์ นักระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์

ผู้นำโลกร่วมประณาม

อดีตผู้นำสหรัฐฯ ทั้ง บารัก โอบามา และ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช รวมถึงนักกิจกรรมชื่อดัง Bono จากวง U2 ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 1 ก.ค. เรียกการตัดงบนี้ว่า “เป็นความโหดร้ายเชิงนโยบาย และเป็นความล้มเหลวทางศีลธรรม” พร้อมเตือนว่าสหรัฐฯ อาจ สูญเสียบทบาทผู้นำโลกด้านมนุษยธรรม ซึ่งเคยสร้างความเปลี่ยนแปลงระดับโลกมาแล้ว

ผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้น

  • เด็กกว่า 3 ล้านคนในแอฟริกา อาจไม่ได้รับวัคซีนสำคัญ
  • โครงการ HIV อย่าง PEPFAR ถูกลดงบ ส่งผลให้ศูนย์ตรวจและแจกยาต้านไวรัสบางแห่งต้องปิด
  • โครงการโภชนาการแม่และเด็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกชะลอหรือยกเลิก

 เสียงจากองค์การนานาชาติ

WHO, Gavi, UNICEF และองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน ต่างออกมาเตือนตรงกันว่า “การตัดงบนี้จะไม่เพียงทำร้ายประเทศยากจน แต่จะย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐฯ เอง” ผ่านการแพร่ระบาดข้ามพรมแดนและการอ่อนแอลงของระบบสุขภาพโลก

ที่มาข้อมูล : The Lancet Global Health, The Guardian, Times of India, Reuters, USAID Reports July 2025

ที่มารูปภาพ : Canva