ผลบอล พรีเมียร์ลีก 2024/25 : เชลซีไม่ปล่อยแชมป์ฉลอง เปิดรังทุบลิเวอร์พูล 3-1

ผลบอล พรีเมียร์ลีก 2024/25 : เชลซีไม่ปล่อยแชมป์ฉลอง เปิดรังทุบลิเวอร์พูล 3-1

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2024-25 เชลซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เชลซี ยังต้องการชนะทุกนัดหลังจากนี้ เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งท็อป 5 และโควต้าไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีหน้าของตัวเองไว้ต่อไป ทำให้ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแบบเต็มพิกัด ขณะที่ ลิเวอร์พูล ที่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วเรียบร้อย ทำให้ อาร์เน่อ ชล็อต ส่งผู้เล่นสำรองหลายคนลงสนามในเกมนี้ เพื่อเป็นการตอบแทน อาทิ คอสตาส ซิมิคาส, จาเรลล์ ควอนซาห์, วาตารุ เอ็นโด และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นต้น

ครึ่งแรกเริ่มมาได้แค่ 3 นาที เชลซี ก็ออกนำก่อนได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เปโดร เนโต้ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ามาในเขตโทษให้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ พักบอลก่อนยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด ช่วยให้สิงห์บลูส์ขึ้นนำ 1-0

เวลาผ่านไปเกมของ ลิเวอร์พูล ยังไม่ดีขึ้น และดูจะเล่นด้วยความสับสน ขณะที่ เชลซี มีลุ้นเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่เด็ดขาดมากพอ ทำให้จบครึ่งแรก เชลซี ขึ้นนำอยู่ 1-0

สรุปข่าว

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2024-25 เชลซี เปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 3-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้พวกเขายังรักษาอันดับที่ 5 เอาไว้อย่างเหนียวแน่น

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2024-25 เชลซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เชลซี ยังต้องการชนะทุกนัดหลังจากนี้ เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งท็อป 5 และโควต้าไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีหน้าของตัวเองไว้ต่อไป ทำให้ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแบบเต็มพิกัด ขณะที่ ลิเวอร์พูล ที่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วเรียบร้อย ทำให้ อาร์เน่อ ชล็อต ส่งผู้เล่นสำรองหลายคนลงสนามในเกมนี้ เพื่อเป็นการตอบแทน อาทิ คอสตาส ซิมิคาส, จาเรลล์ ควอนซาห์, วาตารุ เอ็นโด และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นต้น

ครึ่งแรกเริ่มมาได้แค่ 3 นาที เชลซี ก็ออกนำก่อนได้อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เปโดร เนโต้ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ามาในเขตโทษให้ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ พักบอลก่อนยิงเข้าไปอย่างเฉียบขาด ช่วยให้สิงห์บลูส์ขึ้นนำ 1-0

เวลาผ่านไปเกมของ ลิเวอร์พูล ยังไม่ดีขึ้น และดูจะเล่นด้วยความสับสน ขณะที่ เชลซี มีลุ้นเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่เด็ดขาดมากพอ ทำให้จบครึ่งแรก เชลซี ขึ้นนำอยู่ 1-0

ครึ่งหลังยังคงเป็น เชลซี ที่เล่นได้ดีกว่า ก่อนจะนำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 56 จากจังหวะที่ โคล พาลเมอร์ พาบอลหลบ ซิมิคาส ไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะผ่านมาหน้าปากประตู และถูก วาตารุ เอ็นโด ล้มตัวสกัดไว้ได้ ต่อด้วย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่เข้ามารับช่วงต่อด้วยการเตะบอลทิ้งแต่ดันไปอัดใส่ตัว จาเรลล์ ควอนซาห์ กระเด้งเข้าประตูตัวเองไปอย่างโชคร้าย

ลิเวอร์พูล ยังไม่ยอมง่ายๆ ช่วงท้ายเกมมีฮึดขึ้นมาอีกครั้ง หลัง อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ เปิดลูกเตะมุมให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าประตูไปในนาทีที่ 85 ช่วยให้ทีมหงส์แดงไล่มา 2-1 และยังพอมีเวลาเหลือที่จะทวงประตูตีเสมอ

แต่อย่างไรก็ตาม เชลซี ก็มาดับฝัน ลิเวอร์พูล หลังมาได้ประตูที่ 3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 หลัง ควอนซาห์ ไปทำฟาวล์ใส่ มอยเซส ไกเซโด้ และผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษของ เชลซี ทันที ก่อนที่ โคล พาลเมอร์ จะรับหน้าที่สังหารไม่พลาด ทำให้จบเกม เชลซี เป็นฝ่ายเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปสบายๆ 3-1 ทำให้ทีมสิงห์บลูส์เก็บเพิ่มเป็น 63 คะแนนจาก 35 นัด ยึดอันดับ 5 ของตารางเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

ผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม

เชลซี (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ : มอยเสส ไกเซโด้, เทรโวห์ ชาโลบาห์, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ก กูกูเรย่า : โรเมโอ ลาเวีย, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ - เปโดร เนโต้, โคล พาลเมอร์, โนนี่ มาดูเอเก้ - นิโกล่าส์ แจ็คสัน

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลิสซง เบคเกอร์ : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส - วาตารุ เอ็นโด, เคอร์ติส โจนส์ - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, โคดี้ กัคโป - ดีโอโก้ โชต้า

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : AFP