
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่านกบางชนิด โดยเฉพาะนกคู้ท (Eurasian coot) ใช้พลาสติกในการสร้างรังเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งช่วยให้พวกเขาศึกษาร่องรอยของมลพิษพลาสติกและบันทึกการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ
การศึกษานี้นำโดย Auke-Florian Hiemstra นักชีววิทยาและนักนิเวศวิทยาเมืองจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้ศึกษารังของนกคู้ทในกรุงอัมสเตอร์ดัม นักวิจัยพบว่านกเหล่านี้ใช้ขยะพลาสติก เช่น ถุงพลาสติก ซองขนม และบรรจุภัณฑ์อาหาร มาสร้างรังร่วมกับวัสดุธรรมชาติอย่างกิ่งไม้และใบไม้
สิ่งที่น่าสนใจคือ ทีมนักวิจัยสามารถใช้วันหมดอายุและข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อระบุช่วงเวลาที่รังนกถูกสร้างขึ้น โดยพบว่าบางรังมีชั้นของพลาสติกสะสมเป็นลำดับ คล้ายหน้าหนังสือของประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ชั้นล่างสุดของรังมีบรรจุภัณฑ์อาหารฟาสต์ฟู้ดจากช่วงปี 1990 ถุงขนมที่พิมพ์โฆษณาฟุตบอลโลกปี 1994 ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ชั้นบนสุดของรังมีหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแพร่ระบาดของโควิด-19
Auke-Florian กล่าวว่า "รังบางรังสามารถเปิดดูได้เหมือนพลิกหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ของมลพิษพลาสติก เราเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งแวดล้อมของเรามีขยะพลาสติกสะสมมาหลายทศวรรษ"

สรุปข่าว
ปกติแล้ว นกคู้ทจะสร้างรังจากพืชและวัสดุธรรมชาติ ซึ่งเสื่อมสลายได้ง่าย ทำให้นกต้องสร้างรังใหม่ทุกปี แต่ในปัจจุบัน นักวิจัยพบว่านกเริ่มใช้ฐานรังเดิมที่มีพลาสติกเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากพลาสติกมีความทนทาน ไม่ผุพังง่าย ส่งผลให้นกสามารถใช้รังเดิมซ้ำหลายครั้ง และทำให้รังนกกลายเป็นแหล่งบันทึกมลพิษของมนุษย์
การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า สัตว์สามารถเป็นพยานถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมได้โดยไม่รู้ตัว การที่นกใช้พลาสติกในรังของพวกมันเป็นหลักฐานชัดเจนว่า มลพิษพลาสติกได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ และสะสมมายาวนานกว่าที่เราคิด
ปัจจุบันรังนกเหล่านี้ได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ Museon-Omniversum ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการเกี่ยวกับยุคแอนโทรโปซีน (Anthropocene) หรือยุคที่มนุษย์ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างมหาศาล เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงผลกระทบของขยะพลาสติกที่ยังคงอยู่ในธรรมชาติ แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี

Tawee Pengpala
(Tawee)