สรุปข่าว
สำหรับประเทศไทย ได้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งช้ากว่าปกติประมาณ 1-2 สัปดาห์ และคาดว่าจะไปสิ้นสุดประมาณปลายเดือนตุลาคม ซึ่งช้ากว่าปกติเช่นกัน และหลังจากนั้นอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง เราก็จะเข้าสู่ฤดูแล้ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
ซึ่งถ้าหากดูปริมาณฝนรวมรายปีทั้งประเทศ นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงกลางเดือนส.ค.นั้น จะเห็นว่าปริมาณฝนทั่วทุกภาคน้อยกว่าค่าปกติเล็กน้อย โดนช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในสภาวะเอลนีโญ บ้านเราฝนตกน้อยกว่าค่าปกติเยอะ แต่พอเข้าสู่กลางปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ฝนเริ่มตกชุกมากขึ้น พอที่จะช่วยดันให้ปริมาณฝนทั่วประเทศเพิ่มขึ้นมาได้ โดยตอนนี้ภาพรวมทั้งประเทศน้อยกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 5% โดยภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเป็นภาคที่มีฝนน้อยกว่าค่าปกติมากที่สุดประมาณ 30% ส่วนทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ภาคตะวันออก เป็นภาคที่มีฝนชุกหนาแน่นที่สุดในปีนี้ โดยมีฝนมากกว่าค่าปกติประมาณ 7%
ซึ่งจากปริมาณฝนดังกล่าว ทำให้สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีปริมาณน้ำรวมกันค่อนข้างน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ตอนนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 29% เท่านั้น เป็นผลมาจากช่วงต้นปีนี้ ฝนตกน้อยมาก ซึ่งหลายพื้นที่เผชิญกับภัยแล้งหนักตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้คงต้องฝากความหวังไว้กับช่วงเวลาอีก 2 เดือนครึ่งที่เหลือนี้ ว่าจะมีฝนตกลงมาเพิ่มได้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายนมีพายุเข้ามาในไทยประมาณ 1-2 ลูก ก็น่าจะพอเติมน้ำในเขื่อนให้มีมากขึ้นได้
ก็ต้องรอลุ้นกันนะคะ อย่างน้อยเราก็ใกล้ที่จะผ่านช่วงฝนทิ้งช่วงกันแล้ว ยังไงต้องวางแผนเรื่องของการใช้น้ำกันอย่างใกล้ชิด
ที่มาข้อมูล : -