

สรุปข่าว
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และประธานกรรมการบริหาร Futuretales LAB, MQD ระบุถึงเหตุการณ์น้ำท่วมภูเก็ตเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า
เมื่อเช้าวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เกิดฝนตกหนักที่ จ.ภูเก็ต วัดปริมาณฝนสะสม 6 ชม. 333 มม. ที่สถานอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ทำให้เกิดน้ำไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน การจราจรทางบก และทางอากาศเป็นอัมพาต นี่คือเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 1,000 ปี (ข้อมูลกรมชลประทานที่สถานีท่าอากาศยานภูเก็ต) ผมได้โพสเตือนไปเรื่องภาคใต้ให้คอยเฝ้าระวังเหตุการณ์ฝนตกหนักในเวลาจำกัดแบบนี้ตั้งแต่ต้นปี และจะเกิดขึ้นอีกเหตุการณ์ลักษณะนี้สะท้อนอะไรให้เราเห็นบ้าง
ภาพ: น้ำท่วมภูเก็ต เมื่อเช้าวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา
ประเด็นแรก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น โดยที่องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มีขีดจำกัดในการคาดการณ์ พฤติกรรมฝนที่ตกจากปริมาณฝนสูงสุดรายวันในอดีต รวมทั้งอนาคตจากแบบจำลอง CMIP6 โดยคณะทำงาน IPCC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (แต่ปริมาณฝนรายปีกลับมีแนวโน้มลดลง) และมีความแปรปรวนมากขึ้น และไม่สามารถบ่งชี้สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ประกอบกับข้อมูลในอดีตปริมาณฝนสูงสุดควรเกิดช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม นั่นหมายถึงว่าภูเก็ตจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์น้ำไหลหลาก ท่วมฉับพลันจากปริมาณฝนตกหนักระยะสั้น (รายวัน) เมื่อไรก็ได้ ในขณะเดียวกันภัยแล้งก็จะเกิดขึ้นจากปริมาณฝนรายปีที่มีแนวโน้มลดลง
ประเด็นที่ 2 การพัฒนาและขยายตัวของเมืองทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่สีเขียว พื้นที่ชุ่มน้ำ และพื้นที่บริเวณริมคลองระบายน้ำ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ และการใช้ประโยชน์อย่างมาก คลองระบายน้ำตื้นเขิน คับแคบจากการตกตะกอนจากการพัฒนาสิ่งก่อสร้างต่างๆ เราอาจจะมีความสุขกับการพัฒนาสิ่งก่อสร้างต่างๆเพียงชั่วครู่ เราอาจจะนึกถีงความเจริญในระยะเวลาสั้นๆ แต่เราลืมไปว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องมาก่อน ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ระบบน้ำกิน น้ำใช้ สภาพอากาศเหมาะสม หากเราละเลยสิ่งเหล่านี้ เราจะมีความสุขอย่างยั่งยืนได้อย่างไร ? โปรดติดตามองค์ความรู้ และนวัตกรรมในการลดผลกระทบ และการปรับตัวได้ที่ www.futuretaleslab.com
ภาพ: ศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Phuket Info Center
ที่มา: รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์
ที่มาข้อมูล : -