หอการค้า หนุนรัฐใช้ "หมอชนะ" คุมการแพร่ระบาด

หอการค้า หนุนรัฐบาลใช้ "หมอชนะ" คุมการแพร่ระบาด ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนให้จดบันทึกแทน พร้อมเสนอ 3 ข้อ รัฐใช้เอกชนเป็นกลไกป้องกันการแพร่ระบาด โดยให้สิทธิทางภาษีแลกเปลี่ยน
วันนี้(8ม.ค.64)นายกลินท์
สารสิน
ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า
ปัญหาการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของแรงงานต่างด้าวที่กำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ใหญ่มาก
ควรต้องรีบตรวจและแยกคนที่ติดเชื้อ
คนที่มีความเสี่ยง
และคนที่ยังไม่ติดเชื้อออกจากกัน
ซึ่งการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบไม่มีแผนรองรับที่ชัดเจนจะเกิดปัญหาตามมา
โดยเอกชนสามารถให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาและมีข้อเสนอแนะดังนี้
-
ควรตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อร่วมกันวางแผนระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ เพื่อให้เกิดแผนการทำงานร่วมกันและสามารถระดมกำลังและทรัพยากรในการจัดการปัญหาได้อย่างทันสถานการณ์ รวมถึงการสื่อสารและแถลงข่าวต้องบริหารจัดการข้อมูลให้เป็น single message เพราะส่งผลกับความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ไม่ให้ประชาชนสับสน
-
ผู้ประกอบการหลายรายในสมุทรสาครมีศักยภาพที่จะบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวด้วยตนเอง
-
ตั้งแต่การตรวจผู้มีเชื้อ ทั้งการตรวจแบบ rapid test และ PCR การใช้วิธีการทดสอบเพื่อหาผู้รับเชื้อแบบ rapid Test จะช่วยได้มาก ทั้งเรื่องต้นทุนและความรวดเร็ว ดังนั้นภาครัฐควรเร่งอนุมัติการตรวจ rapid test ว่าแบบใด สามารถรับรองผลตรวจได้
-
การกักพื้นที่ในเขตควบคุม local quarantine จนกระทั่งมีภูมิต้านทาน ควรดูแลผู้ติดเชื้อและผู้มีความเสี่ยง ตามประเภทของชุมชนและอัตราการติดเชื้อ หลังจากการตรวจเชิงรุกตามชุมชน เมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อต้องหาสถานที่ในการแยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการ เพื่อลดการแพร่เชื้อ และการติดเชื้อซ้ำ เช่น การแบ่งแยกชั้นการพักอาศัย หรือจำกัดบริเวณชัดเจนในที่พักอาศัย เป็นต้น
ซึ่งภาครัฐสามารถสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ดำเนินการช่วยดูแลแรงงานของตนเองได้ โดยภาครัฐควรช่วยสนับสนุนค่าตรวจ หรือใช้มาตรการลดหย่อนทางภาษีให้ผู้ประกอบการ
-
มาตรการป้องกันควบคุมการแพร่เชื้อของแรงงานต่างด้าว ควรต้องฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้ออย่างถาวร ดังนั้นภาครัฐควรมีมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้เอกชนมีส่วนร่วมในการฉีดวัคซีนสำหรับแรงงานต่างด้าว
สำหรับการที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกัน ใช้แอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” นั้น เห็นว่าจะช่วยให้ สามารถติดตามผู้มีความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นการลดการกรอกเอกสารหากการเดินทางในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพราะสามารถติดตามผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อแบบอัตโนมัติ หากไปยังสถานที่เสี่ยงหรือพบปะผู้มีความเสี่ยง ซึ่งประชาชนที่ไม่มี SMART PHONE ก็สามารถใช้วิธีอื่นในการบันทึกได้
ทั้งนี้ ภาคเอกชนพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐทำงานบูรณาการ กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมกับ ขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ติดตาม TNN ติดตามข่าว 24 ชั่วโมง
อัพเดทข่าวสารกัน นาทีต่อนาที