ถึงเวลา "สเปอร์ส" ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น2020-21 กลายเป็นปีที่เปิดกว้าง เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เจ้าบ้านไม่ได้เปรียบ ทีมเยือนไม่เสียเปรียบ อัตราความพลิกผันสูง บัลลังก์จ่าฝูงจึงเปลี่ยนมืออยู่บ่อยครั้ง
จากเอฟเวอร์ตัน ถึง เลสเตอร์ ล่าสุด เป็น สเปอร์ส ที่นั่งจ่าฝูงหลังจบแมตช์เดย์ 9
"ไก่เดือยทอง" ทำผลงานเกมเปิดหัวได้ไม่ดีปราชัยเอฟเวอร์ตันคารัง 0-1 ตอนนั้นเกิดคำถามขึ้นมากมาย โชเซ่ มูรินโญ่ จะเอาตัวรอดได้หรือไม่กับการคุมเล้าไก่แบบเต็มฤดูกาล
แต่หลังจากนั้นกุนซือโปรตุกีสพาทีมเค้นฟอร์มเดินหน้าเก็บชัยเป็นว่าเล่นแถมยิงกระจาย หลุดเสมอแค่สองเกม (แบบน่าชนะ) และเก็บชัยถึง 6 จนขึ้นมาเป็นผู้นำแบบเท่ๆ
9 เกมที่ผ่านมา สเปอร์สกลายเป็นทีมที่เหนียวแน่นที่สุดเสียไปเพียง 9 ลูกและยิงกระจาย 21 ตุง
โชเซ่ มูรินโญ่ คนเดิมกลับมาแล้ว!!!
อย่างที่รู้เฮียมูถนัดเกมรัดกุม รับเหนียวแน่น มีความเป็น 'แมตช์วินเนอร์' รู้วิธีที่จะเก็บชัย
ซีซั่นนี้เขาพาทีมบุกถล่มแมนฯ ยูไนเต็ดแบบไร้ปราณี 6-1 คาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเปิดบ้านอัดแมนฯ ซิตี้ 2-0 ในเกมที่พวกเขามีโอกาสยิงแค่ 4 หนและตรงกรอบเพียง 2 หน!!
นอกจากจะจูนเกมรับให้แน่นแล้ว เขายังพัฒนาเกมรุกให้จัดจ้านขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะกับ แฮร์รี่ เคน
แม้ตอนนี้ ซน ฮึง-มิน หัวหอกโสมขาวจะเป็นดาวซัลโวของทีมที่ 9 ประตู แต่ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากการเสียสละของ "เคน" ที่ยอมถอยมามาเป้นตัวปั้นให้ อาซนทรอดขึ้นไปสังหารแทน
ที่ผ่านมาแฟนบอลต่างรู้กันว่า "เคน" ครบเครื่องเรื่องยิงประตู แต่กับซีซั่นนี้เจ้าตัวเพิ่มเรื่องการแอสซิสต์เข้ามาอีกจนเป้นปัจจัยหลังที่ให้สเปอร์สแรงติดลมบนอยู่ตอนนี้
เคน ยิงไปแล้ว 7 ประตูและทำไป 9 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่คลับไก่ แฮปปี้สุด
และอีกปัจจัยที่ทำให้เฮียมูมีผลงานที่ร้อนแรงต่อเนื่องคือขนาดของทีมที่ใหญ่มากขึ้น ตัวจริงกับตัวสำรองมีคุณภาพใกล้เคียงกัน สามารถทดแทนกันได้อย่างไม่เหลื่อมล้ำมากนัก
ทีมตัวจริงเกมรับแบ็กขวาได้แมตต์ โดเฮอร์ตี้ มาเติมเต็ม ฝั่งซ้ายได้เซร์คิโอ เรกีลอน เซนเตอร์ปั้นเอริค ดายเออร์ เป็นเซนเตอร์ของดีไปแล้ว แดนกลางได้ของชอบอย่าง ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ผึ้งงานที่วิ่งไม่มีหมด เล่นได้ตามคำสั่ง วินัยเปรี๊ยะ เข้ามาส่งผลให้ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ จากที่จะหมดอนาคตกลายเป็นฟอร์มจัดจ้านหน้าตาเฉย และทำให้เกมรุกเล่นกันสบายไม่ต้องพะวงเกมรับอะไรมากกมาย
ตัวสำรองที่นั่งอยู่ข้างสนามมีทั้งแกเร็ธ เบล, ลูคัส มูร่า, โจวานนี่ โล เซลโซ่, เบน เดวิส, แซร์ก โอริเย่ร์, โจ โรดอน จนถึง วินิซิอุส เป็นอะไหร่หยิบใครมาใช้ก็ได้ซึ่งต่างชัดเจนจากตอนที่เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ คุมทีม
ขณะที่แท็กติกแม้จะยังเป็นรถบัสในเกมใหญ่แต่ไม่ใช่จอดแบบไม่ลืมหูลืมตา ถ้าคู่ต่อสู้เผลอเมื่อไรมีสิทธิ์โดนหมัดน็อกได้ทุกเวลา
เกมชนะแมนฯ ซิตี้เป็นกระจกสะท้อนถึงความเป็น "มูรินโญ่" ตอนพีกได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องครองบอลมากมาย ไม่ต้องผ่านบอลทั่วสนาม ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง
ครบรอบหนึ่งปีพอดีที่ มูรินโญ่ คุมท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เขาพาทีมนั่งจ่าฝูงพร้อมกับกระแสกลายเป็นทีมที่ "มีสิทธิ์" คว้าแชมป์แม้เพิ่งผ่านไปแค่ 9 นัดก็ตาม
ภาพน่าจะชัดเจนมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเมื่อ "ไก่เดือยทอง" มีคิวต้องเจอทั้งเชลซี (เยือน), อาร์เซนอล(เหย้า), ลิเวอร์พูล (เยือน) รวมทั้ง เลสเตอร์ (เหย้า)
หากผ่านเกมพวกนี้ได้ก่อเข้าช่วงบ๊อกซิ่งเดย์ฟันธงได้เลย "ไก่เดือยทอง" จะยืนระยะได้ไปจนถึงบั้นปลายแน่อน
แต่จะไปถึงแชมป์หรือไม่นั้น หากมองถึงทฤษฎีสมคบคิดที่พวกเขาเคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมา 2 ครั้งในปี 1951 และ 1961
หนนี้วันรับแชมป์คือปี 2021 มันก็น่าคิด!!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบเพียบ! พรีเมียร์ลีกจ่อปลดล็อกให้แฟนบอลเข้าชมเกม แต่ต้องทำตามกฎ
ไม่ง่าย! โรเบิร์ตสันเผยชื่อ 3 ทีมมีลุ้นเบียดแชมป์ลีกกับลิเวอร์พูลซีซั่นนี้
หล่อเลย!บรูโน่แจงเหตุเมินแฮตทริกให้แรชฟอร์ดซัดจุดโทษ
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline

ติดตาม TNN ติดตามข่าว 24 ชั่วโมง
อัพเดทข่าวสารกัน นาทีต่อนาที