

สรุปข่าว
เมื่อจีนเดินหน้าคัดแยกขยะถ้วนหน้าทั่วจีนในปี 2025 (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
ในอดีต ขยะถือเป็นสิ่งที่ถูก “มองข้าม” และไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็น “ภาระ” ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี โลกในยุคใหม่หันมาให้ความสนใจกับการจัดการขยะและนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา จีนนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีปริมาณมากที่สุดในโลก สถิติระบุว่า ปริมาณขยะของจีนขยายตัวกว่า 10เท่าตัวนับแต่เปิดประเทศสู่โลกภายนอก หรือในช่วงราว 45 ปีที่ผ่านมา
เราคงพอจินตนาการต่อได้ว่า หากขยะยังคงเพิ่มขึ้นเช่นนี้และไม่ทำอะไร “ขยะคงล้นจีน” และส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างไม่คาดคิดเป็นแน่
ในด้านหนึ่ง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการแก้ไข หรือหากการจัดการขยะจํานวนมหาศาลดังกล่าวผิดพลาดปัญหาดังกล่าวอาจใหญ่มากพอที่จะขัดขวางความก้าวหน้าของจีน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
เพราะปัญหาดังกล่าวอาจทําให้เกิดความเครียดต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนจีน อาทิ มีแหล่งน้ำปนเปื้อน ดินเสื่อมโทรม อากาศเสีย ทำให้เมืองไม่น่าอยู่และบั่นทอนความสุขทางกายและใจของภาคประชาชน
แต่ในอีกด้านหนึ่ง หากได้รับการจัดการที่ดีอย่างจริงจังและเป็นระบบ ก็อาจสร้างประโยชน์ได้มากมายในหลายด้าน รัฐบาลจีนจึงปรับเปลี่ยนแนวคิดจาก “เชิงรับ” เป็น “เชิงรุก” กำหนดนโยบายและมาตรการจัดการขยะ รวมทั้งผลักดันการดำเนินงานอย่างจริงจัง จึงทำให้การแยกขยะในจีนรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ในการดำเนินนโยบายดังกล่าว รัฐบาลจีนออกแบบและเดินหน้าพัฒนาทั้งระบบนิเวศ ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะ การนำขยะกลับมาใช้ใหม่ การเผาขยะ การพัฒนาถังขยะอัจฉริยะ เตาเผาขยะ บิ๊กดาต้า และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การคัดแยกขยะ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานก่อนนำไปผ่านกระบวนการเพิ่มมูลค่าที่มีประสิทธิภาพ แถมยังซ่อนไว้ซึ่งประโยชน์คุณูปการในหลายส่วน
ประการแรก การคัดแยกขยะช่วยลดมลพิษทางดิน น้ำ และอากาศ ก่อให้เกิดความสะอาดในพื้นที่ชนบทและปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวม การใช้ชีวิตในเมืองและหมู่บ้านที่สะอาดส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจของผู้คน
ประการที่สอง การกําจัดขยะอย่างมีความรับผิดชอบช่วยลดการสัมผัสกับเชื้อโรค ลดการแพร่ระบาดของโรค และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชนบท
ประการที่สาม การคัดแยกขยะยังช่วยให้สามารถรีไซเคิลและนําขยะกลับมาใช้ใหม่ อาทิ ถุงพลาสติกและกล่องกระดาษ ลดต้นทุนการครองชีพ และทําให้มีเงินเหลือสำหรับการใช้จ่ายในด้านการศึกษา โภชนาการ และความบันเทิงได้มากขึ้น
ประการสุดท้าย นอกจากประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัวโดยตรงการคัดแยกขยะยังมีส่วนร่วมในสวัสดิการโดยรวมของชุมชนอีกด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่ความเคารพและคำชื่นชมจากคนในชุมชน และช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่กลมกลืนกันภายในชุมชนอีกด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อ4 ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนก็ประกาศดำเนินนโยบายนี้ตามสุภาษิต “การเดินข้ามลำธารโดยใช้เท้าสัมผัสหิน” โดยกำหนดให้เซี่ยงไฮ้ได้เริ่ม “นำร่อง” การคัดแยกขยะภาคบังคับเป็นเมืองแรกในจีน
นโยบายคัดแยกขยะภาคบังคับของเซี่ยงไฮ้ถูกประกาศและมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2019 ผมจำได้ว่า ถังขยะแบบหลากสีหลายช่องนับแสนใบถูกส่งเข้าแทนถังขยะรูปแบบเดิมในชั่วข้ามคืนในตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ เรียกว่าเช้าตื่นขึ้นมา หลายคนนึกว่าเมื่อคืนนี้ใครเอาสีมาทาเมืองจนดูสดชื่นและมีสีสัน
กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องครอบคลุมทั้ง “ไม้หนักและไม้นวม” อาทิ มาตรการจูงใจด้วยสิทธิประโยชน์ และมาตรการลงโทษ เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย และมีผลกระทบที่คาดไม่ถึงสําหรับภาคการแปรรูปขยะ
ผมเคยพูดคุยกับคนจีนและรับทราบว่า รัฐบาลท้องถิ่นของจีนให้เงินอุดหนุนการจัดซื้อถังขยะครัวเรือน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน การติดตั้งระบบปุ๋ยหมักครัวเรือนเพื่อลดปริมาณขยะเปียก และการสร้างระบบ “รับคืนผลตอบแทน” สําหรับภาชนะพลาสติก อลูมิเนียม และแก้วเพื่อกระตุ้นการรีไซเคิล
ยิ่งในช่วงหลัง “ถังขยะอัจฉริยะ” ถูกพัฒนาและกระจายไปอยู่ตามหมู่บ้านและชุมชนต่างๆ ใครทิ้งขยะถูกช่องก็ได้แต้มสะสมในสมาร์ตโฟน และสามารถนำแต้มสะสมเหล่านั้นไปแลกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคตามโมเดิร์นเทรดและร้านรวงที่กระจายตัวในเมืองได้
มาตรการจูงใจเหล่านี้ยังถูก “เปิดกว้าง” ให้อาจแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เพื่อความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ และในทางกลับกัน ก็ยังกำหนดบทลงโทษทางการเงินสําหรับการกําจัดขยะที่ขาดความรับผิดชอบอีกด้วย เช่น การพักแต้มสะสมดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบท (Ministry of Housing and Urban-Rural Development) ก็ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมที่ชิงเต่า เมืองเศรษฐกิจหลักของมณฑลซานตง ด้านซีกตะวันออกของจีนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาว่า “การคัดแยกขยะเป็นหนึ่งในลําดับความสําคัญของกระทรวงในปีนี้”
โดยเร่งเร้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามมากขึ้นในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สร้างแพลตฟอร์มการจัดการขยะในครัวเรือนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ และเสริมสร้างความสามารถในการเผาขยะ
รัฐบาลจีนยังเห็นชอบให้ส่งเสริมการจัด “สัปดาห์การคัดแยกขยะ” ทุกปีในช่วงสัปดาห์ที่4 ของเดือนพฤษภาคม เพื่อกระตุ้นเตือนให้การคัดแยกขยะเป็น “พฤติกรรมปกติ” ระดับบุคคล ครัวเรือน และองค์กร
รัฐบาลจีนยังได้รวบรวมและนำเอา “ผลลัพธ์” เชิงบวกที่เกิดขึ้นจากการคัดแยกขยะในแง่มุมต่างๆ ไปเผยแพร่ผ่านสื่อหลักและสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง เพื่อสร้าง “ความรับรู้” และขยาย “การมีส่วนร่วม”
ทั้งนี้ การคัดแยกขยะดําเนินการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากไม่ถึง 50 เมืองในปี 2019 เป็นราว300 เมือง ณ กลางปี 2023 คิดเป็นอัตราความครอบคลุมเฉลี่ย 82.5% ในชุมชนที่อยู่อาศัย
และจนถึงปัจจุบัน ข้อบังคับเรื่องการคัดแยกขยะถูกนำไปปฏิบัติใช้ในเกือบทุกเมืองใหญ่ของจีนแล้ว โดยบรรลุเป้าหมายการคัดแยกขยะในชุมชนเมืองมากกว่า 90% ณ สิ้นปี2023
แต่จีนก็ยังไม่หยุดเพียงแต่นั้น เพราะได้กำหนดเป้าหมายที่จะดําเนินการคัดแยกขยะใน “ทุกหัวเมือง” ภายในปี 2025
คราวหน้าเราจะไปติดตามกันต่อว่า ในความพยายามที่จะจัดการขยะในวงกว้าง รัฐบาลจีนต้องเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้าง และดำเนินการอย่างไรในการจัดการขยะ ...
ภาพจาก AFP
ที่มาข้อมูล : -